วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

ความเชื่อเกี่ยวกับโป่งข่ามและแก้ววิเศษหรือหินพลังงานในเมืองไทย ตอนที่2

พิธีกรรมของราชสำนักเขลางนคร มีอายุกว่า 400 ปี สืบทอดมาจากสายเจ้าพระยาเทพประจักรคำ ชึ่งได้มาจากฝ่ายเจ้าพิธีกรรมตำรับโหรหลวง ของเจ้าสกุลวัดเมืองสาด ในตำราเล่มนี้ได้บรรยาย คุณลักษณะของการถือครองแก้ววิเศษที่เรียกว่าแก้ววิเศษยี่สิบสี่ดวงของล้านนา บรรยายด้วยสำนวนกวีโบราณล้านนา กฎหมายเก่าแก่ในยุคของ พ่อขุนเม็งรายมหาราช ได้ออกกฎไว้ว่า ความวิเศษและลุ่มลึกของตำนานแก้วยี่สิบสี่ดวงนั้นไม่อาจถือเป็นเพียงตำนานที่จะปล่อยให้สุญหายไปกับกาลเวลา มีผู้ที่มีประสบการณ์กับแก้ววิเศษเหล่านี้ แก้วที่โงดังที่สุดก็คงจะเป็น “แก้วขนเหล็ก” ที่รู้จักกันตามภาษาพื้นเมืองว่า “โป่งข่าม” และนอกจากนี้ยังหมายถึง “แสง” ที่มากจากคำแก้วแสงซึ่งหมายถึงรัตนชาติที่ครอบคลุมทั้งหินที่เกิดจากไม้หรือสัตว์ตามที่คนภาคกลางรู้จักกันในชื่อว่า “คต” นั้นเอง

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

ความเชื่อเกี่ยวกับโป่งข่ามและแก้ววิเศษหรือหินพลังงานในเมืองไทย ตอนที่1

ความตื่นตัวในเรื่องของแก้ววิเศษหรือหินพลังงาน ที่มีคุณสมบัติปรับเปลี่ยนชะตาชีวิตหรือเสริมชะตาชีวิตนั้นมีมาช้านานแล้วในเมืองไทยเรานี่เองเราควรเรียกว่า เป็นการเสริมราศี หรือบางทีก็เรียกว่า ต้องโฉลก คำนี้มักใช้กับเครื่องรางหรือความเชื่อทางโหราศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ เรื่องอัญมณีกับวิถีชีวิตมนุษย์นี่ในเมืองไทยเท่าที่ค้นคว้าพบหลักฐานว่ามีการแต่งตำราเรื่องนี้มาเนิ้นนานเรียกว่าตำราการเกิดเนาวรัตน์” ที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันนั้นที่พอเป็นมาตรฐานนั้นต้องเอาฉบับของ “หลวงนรินทราภรณ์” แต่งในรัชสมัยของพระพุทธเสิศหล้านภาลัย โดยการแต่งครั้งนี้มีการมุ่งหวัง ให้เป็นตำราสำหรับพระนครคือไว้ให้เป็นแบบแผนของราชสำนักโดยผู้แต่งท่านนี้ได้ค้นกว้าอย่างรู้จริงจากการสอบภามทานตำราหลายๆฉบับและท่านมีตำแหน่งเป็นช่างทองหลวงที่สำคัญคือความรู้ความเชื่อและความเห็นของตำราเส่มนี้เกิดจากภูมิปัญญาของบรรพชนไทยอย่างแท้จริง ชึ่งเราที่เป็นคนไทยควรหวงแหนและภูมิใจและก็มีตำรากระจัดกระจายอยู่มากมายทั่วทุกภาคโดยเฉพาะภาคเหนือซึ่งมีความรุ่งเรืองทางอารยธรรมมาตั้งแต่สมัย นครรัฐโยนก ก็มีความเชื่อถือเรื่องของแก้วโป่งข่ามและอัญมณี ที่ให้คุณกับผู้เป็นเจ้าของ เรียกในหมู่ผู้สนใจว่า “ตำรานพรัตน์ล้านนา” แต่แท้ที่จริงมีชื่อว่า “ตำราวชิรเป๊กตำราโป่งข่ามต้นฉบับที่ค้นพบในจังหวัดลำปางจารึกใส่ใบลานเป็นอักษรตัวเมืองล้านนาซึ่งบันทึกเรื่องราวต่างไว้มากมาย

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

เครื่องประดับโป่งข่าม และการนำอัญมณีมาทำเป็นเครื่องประดับในลักษณะเครื่องราง

ในปัจจุบันที่มีการศึกษาเรื่องอัญมณีมาทำเป็นเครื่องประดับในลักษณะเครื่องราง หรือนำมาประกอบการใช้พลังจิตเชิงบำบัด ที่เรียกว่า อัญมณีบำบัด ซึงเป็นศาสตร์ที่เผยแพร่เข้ามาจาก ภูมิปัญญาตะวันตก กำลังเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวอัญมณีที่มีผลต่อร่างกายในเชิงปรับเปลี่ยนพลังงานสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปรากฎให้พิสูจน์สัมผัสได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ นั้นก็คือ พลังงาน Aura นั้นเอง ว่าสามารถทำได้จริง และกำลังเป็นที่วิจัยของวงการวิทยาศาสตร์ อย่างกว้างขวาง แต่อย่างไรก็ตามเราในฐานะ ผู้รับข้อมูลก็ควรฟังหูไว้หู อย่าด่วนเชื่อตามฝรั่งมังค่าเสียหมด อันว่าวิชาการใดในโลกย่อมประกอบขึ้นด้วยสองส่วนคือ ความเชื่อและความจริง ในส่วนความเชื่อนั้นทำให้วิชาการขยายตัว มีผู้ศึกษาเพื่มขึ้นในแต่ละส่วนความจริงแท้ของศาสตร์นั้นเองที่จะเป็นตัวสรุปที่ทำให้ศาสตร์นั้นๆคงอยู่โดยไม่ถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา หากสิ่งใดที่เรายังไม่มีประสบการณ์หรือรับรู้เรื่องราวนั้นจากบทสรุปของตนเองมันก็คงเป็นเพียงข้อมูล ที่ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่นั้นเอง เรื่องราวของโป่งข่ามหรือหิน Quartz ก็เช่นเดียวกัน

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

ดารา Hallywood กับหิน Quartz แก้วโป่งข่าม




เรามักดาราภาพยนตร์ Hallywood ดังๆ ใส่ Quartz เช่นโป่งข่ามกันหลายคน ที่เห็นก็จะมี  แอนเจลินา โจลี่ ,โคลด์ดี้ ฮอล ,เพราะพวกเขาเชื่อเรื่องโชคลาง ไมเคิล แจ๊คสัน ก็ใส่โป่งข่ามสีดำที่มีสัญลักษณ์ของ อังค์ (Ankh) สัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ ของอียิปโบราณ และมักจะสลับสับเปลี่ยนบ่อยมากกับแหวนเงินต่างที่มี Quartz หรือ Crystal เป็นส่วนประกอบ ในยุโรป Crystal มีราคาสูงเทียบได้กับ เพชร และ พลอย โ)งข่ามของไทยก็เช่นกัน เป็นที่นิยมมากในสมัย10 ปีที่แล้วในเมืองนอกรัฐบาลเขาให้หยุดขุดบ่าหมืองแร่กันแล้ว เพราะการใช้ทรัพย์ธรรมชาติที่มากเกินไป ที่จะเหลือไว้ไห้คนในประเทศใช้สอย หรือ เป็นทรัพย์ยากรของแผ่นดิน ด้วยอานุภาพของ Crystal และ โป่งข่าม ให้พลังคุ้มครองแผ่นดินได้ เราสามารถใช้หินเหล่านี้ตั้งโปรแกรมให้กับตัวเอง และสร้างพลังให้กับตัวเองเหมือนเป็นเกราะป้องกันภัย และเสริมบารมี หลายปีมาแล้วโป่งข่ามมีความนิยมมากในประเทศไทย  เรามักจะเห็นคนเฒ่าคนแก่สะสมโป่งข่ามกันมาก ปัจจุบันมีหินต่างชาติเข้ามาจึงทำให้ความนิยมโป่งข่ามลดน้อยลง ทั้งๆที่คุณภาพและพลังงานของ Crystal หรือ โป่งข่ามในบ้านเรานั้นดีกว่าของต่างประเทศด้วยซ้ำ กินของไทยใช้ของไทยดีกว่าน้อ

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557



Crystal หรือ หินแก้วที่เกิดจากธรรมชาติ ย่อมจะมีที่มาและประวัติของแหล่งกำเนิด รวมไปถึงรูปทรงของหิน ที่มักจะมีพลังจากธรรมชาติที่เกี่ยวโยงและสัมพันธ์ กับวงจรชีวิตของมนุษย์ ทั้งในการเยียวยารักษาโรค ผ่อนคลายเสริมเสน่ห์ รวมไปถึงอำนาจทางคุณไสย์และสิ่งอัปมงคลได้ Crystal ส่วนใหญ่ที่เป็นที่นิยมมากก็คงจะเป็น ตระกูล Quartz ทั้งหลาย การเจียรนัยและเนื้อในแก้วที่ส่งคุณสมบัติออกมาในรูปของพลังงานAura ตามสีต่างๆหลากสี แม้กระทั้งพลังพลังงานในรูปของคลื่นแม่เหล็กวิ่งเมื่อสัมผัสกับมือในแต่ละรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการจับหรือวางบนมือ อัญมณีย่อมมีพลังงานที่ต่างกัน มีทั้งให้พลังบวกและพลังงานลบ การที่พวกเราหวังที่จะครอบครอง หินแก้วเหล่านี้สักเม็ดเราก็ควรที่จะมีการเรียนรู้กันบ้างในเรื่องของหินกับพลังงานต่างๆของหินรวมไปถึงพลังงานชนิดต่างๆ ในแก้วโป่งข่ามด้วยเช่นกัน ผู้คนในแถบยุโรปมากมายที่มีสัมผัสพิเศษ และเชื่อในหิน บางคนชำนาญถึงขั้นสามารถทำสมาธิด้วยหินได้เลยทีเดียว ทั้งยังสามารถเพ่งกระแสจิตรู้อดีตและอนาคตได้เลยทีเดียว 

ความหมายของ โป่งข่าม




     
  คำว่า ?โป่ง?   ตามพจนานุกรมหลักภาษาไทยพายัพ เรียบเรียงโดยพระธรรมราชานุวัตร   ราชบัณฑิตยสถานจัดพิมพ์ในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ แปลคำว่าโป่งดิน คือดินโป่ง   โป่งน้ำคือน้ำโป่ง มิได้แปลคำว่าโป่งโดยเฉพาะส่วนพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.   ๒๔๙๓ แปลคำว่า โป่งดิน คือดินที่มีเกลือโป่งน้ำคือช่องดินที่มีน้ำพุขึ้นมา คำว่า   ?โป่ง? หมายถึง ของที่พองลม เรียกผีที่อยู่ตามดินโป่งว่าผีโป่ง   เรียกป่าที่ดินโป่งว่าป่าโป่ง
  คำว่า ?ข่าม?   หมายถึงการอยู่ยงคงกระพัน
  แต่เมื่อคำว่า ?โป่งข่าม?   มารวมกันจะแปลอย่างไรจึงจะกะทัดรัดที่สุดเล่า
     
  บริเวณป่าตามขุนดอยแม่แก่ง   มีดินโป่งอยู่หลายแห่งก่อนที่จะถึงบริเวณที่เรียกว่าโป่งหลวง   แหล่งกำเนิดชื่อโป่งข่ามมีโป่งแกอยู่ด้านซ้ายมือ โป่งแพ่ง โป่งแม่ล้อม   อยู่ถัดๆไปล้อมรอบบริเวณที่เรียกว่าโป่งหลวง   พระฤๅษีที่อยู่ในป่ามักอาศัยถ้ำและอยู่ได้ด้วยการอาศัยเกลือจากดินโป่งด้วย   ที่เขตน้ำแม่แก่งของตำบลแม่ถอดนี้   มีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่งอาจจะเคยเป็นที่อยู่ของพระฤๅษีในสมัยโบราณ   ปัจจุบันเป็นวัดขึ้นแล้วชื่อ วัดสุขเกษม   ยังมีตำบลที่อยู่ติดกับตำบลแม่ถอดชื่อตำบลนาโป่ง   แต่โดยบริเวณโป่งหลวงอันเป็นที่มีสัตว์ลงกินดินโป่งมากเป็นพิเศษ และ   มีกิติศัพท์ในเรื่องราวความข่ามคงต่างๆ อาจจะหมายถึง บริเวณโป่งดินที่เคยข่าม ก็ได้   ทั้งนี้ก็เพราะคำว่าโป่งนี้ หมายถึงสิ่งที่ผุดขึ้นมาได้ด้วย เช่นโป่งน้ำพุร้อน   ที่จังหวัดเชียงราย   ไส้เทียนที่ลงยันตคาถาเรียกว่าโป่งเทียนดินที่เป็นพิษต่อการเจริญเติบโตของพืช   เช่นบริเวณสถานที่เรียกว่าโป่งแห้งในเขตตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองลำปาง   หมายถึงที่ผุดขึ้นมาของดินพิษ หินที่มีเนื้ออ่อนทำหินลับมีดได้   เช่นหินในเขตอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เรียกว่าหินโป่ง ซึ่งในตำบลแม่ถอดนี้   ยังคงใช้หินโป่งของอำเภอแจ้ห่มเจียระไนแก้วโป่งข่ามอยู่เสมอ   แหล่งแก้วตำบลแม่ถอดเป็นแก้วหินที่งอกอยู่ใต้ผิวดินในลักษณะสิ่งที่ผุดขึ้นมาโดยช่องร้าวของพิภพ   เมื่อมีสิ่งมีค่าหาได้ยากผุดขึ้นมาได้เช่นนี้   และมีเรื่องราวของความข่ามคงเล่าสืบกันมาก็อาจจะตีความหมายด้วยวิธีแปลอย่างสละสลวยได้อีกว่าแหล่งที่ผุดขึ้นมาแห่งความข่ามคง   ในสภาพสถานที่นั้นเป็นโป่งแก้วอันล้ำค่าอีกด้วย
       

  โดยที่เทือกเขาขุนตาลอันแผ่มาถึงขุนแม่ถอด ขุนแม่เตินและขุนแม่อาบ ขุนแม่อวม   ซึ่งแผ่ลงมาเป็นอาณาบริเวณบ่อแก้วโป่งข่ามนี้   เป็นภูเขาที่มีรอยผุรอยร้าวน้อยกว่าภาคกลาง หินอัคนีที่แซกขึ้นมาเป็นช่องเล็กๆ   หินแก้วต่างๆที่กำเนิดจากเทือกดอยดังกล่าวนี้ จึงมีทรงผลึกเล็กๆขนาดจุ๋มจิ๋ม   ซึ่งเหมาะที่สุดในการที่จะเป็นหินแก้วประดับมากกว่าประโยชน์ทางอุตสาหกรรมความมีสภาพเป็นทรงผลึกเล็กๆนี่เอง   ที่ทำให้ลวดลายต่างๆจากสินแร่อื่นๆเข้าไปปรากฏ   จึงมีสภาพที่สมบูรณ์แบบในการที่จะทำเป็นแก้วแหวนต่างๆ เป็นสิ่งที่เรียกว่า   ?โป่งข่าม? โดยแท้

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

รัตนชาติตระกูลควอตซ์ ซึ่งจำแนกชนิดโดยสี



แร่ตระกูลควอตซ์ ซึ่งจำแนกชนิดโดยสี ได้แก่ 
1. Amethyst คือควอตซ์สีม่วง หรือที่เรียกกันว่าพลอยสีดอกตะแบก เป็นแร่ควอตซ์ที่ตกผลึกใส สีโปร่งตา หรือโปร่งแสง ในประเทศไทยพบเห็นกันมากที่นครนายก ที่แม่วะ อำเภอเถิน แม่สรอย จังหวัดแพร่ และที่อำเภอขลุงจังหวัดตาก

2. Green quartz ควอตซ์สีเขียว ในธรรมชาติไม่มี แต่สามารถทำขึ้นเองได้ โดยเอาพลอยสีดอกตะแบก ไปอบให้ร้อนจัด จะเปลี่ยนสีเอง

3. Madeira quartz ควอตซ์สีเหล้าองุ่นมะเดียร่า หรือสีน้ำผึ้งแก่อมแดงเล็กน้อยไม่เคยได้ยินว่าพบในประเทศไทย แต่พบกันในประเทศพม่ามาก

4. Rose quartz ควอตซ์สีชมพูอ่อน ดังสีกุหลาบ เคยพบที่เหมืองแร่ดีบุก จังหวัดระนอง และตะกั่วป่า

5. Smoky quartz ควอตซ์สีฟ้า สีเทา สีควันไฟ ได้แก่ควอตซ์ที่โป่งข่าม อำเภอเถิน แต่เดี๋ยวนี้หายากเสียแล้ว และนับเป็นโป่งข่าม ที่ราคาดีกว่า โป่งที่มาจาก ดอยอื่น ๆ

6. Smoky topaz คือ Smoky quartz สีเหลืองมีที่โป่งข่ามอำเภอเถิน

ควอตซ์ 6 ชนิดนี้ เป็นควอตซ์ตกผลึก ใสโปร่งตาทั้งสิ้น ที่ใสโปร่งแสงเท่านั้น อาจมีบ้างเป็นจำนวนน้อย ควอตซ์ที่นำมาใช้เป็นเครื่องประดับ ประเภทรัตนชาติ อีกพวกหนึ่งได้แก่ ควอตซ์ที่ใสโปร่งตา ไม่มีสี แต่มักจะมีแร่อื่น ประจุอยู่ภายใน เช่น แร่พวกใยหิน (Asbestos) รูไทล์ (Rutile) ทัวมาลีน (Tourmaline) กลีบหิน (Mica) คลอไรท์ (Chlorite) แร่เหล็กแดง (Hematite) และแร่เหล็ก

ความแข็งของแร่

ผู้เชี่ยวชาญทางธรญีวิทยาได้จำแนกอัญมนีเครื่องประดับต่างๆออกทาในรูปแบบของแร่ มีคุณค่าต่างกับที่ความแข็งของแร่ มีมาตราวัดกันได้ แร่ใดที่ใช้ขูดกับอีกแร่หนึ่งให้เป็นรอยขึ้นลบไม่หาย แสดงว่าแร่นั้นมีความแข็งสูงกว่าแร่ที่ถูกขีด มาตราใรการวัดความแข็งของแร่ ปรากฤผลออกมาดังนี้

การจัดเรียงลำดับของสารหรือธาตุตามสเกลความแข็งของโมศ์

เพชร(Diamond) ได้ถูกจัดว่าเป็นสารที่แข็งที่สุด เท่ากับ 10

คอรันดัม [ทับทิม (Ruby) ไพลิน (Sapphire) มีความแข็ง เท่ากับ 9

มรกต (Emerald) สปิเนล (Spinel) โทแปซ (Topaz) เท่ากับ 8

แร่ควอตซ์ (Quartz) หรือเขี้ยวหนุมาณมีความแข็ง เท่ากับ 7

แร่เฟลด์สปาร์ (Feldspar) หรือแร่ฟันม้ามีความแข็ง เท่ากับ 6

แร่อะพาไทต์ (Apatite) มีความแข็ง เท่ากับ 5

ฟลูออไรต์ (Fluorite) มีความแข็ง เท่ากับ 4

แคลไซต์ (Calcite) มุก (Pearl) ปะการัง Coral) มีความแข็ง เท่ากับ 3

ยิปซั่ม (Gypsum) มีความแข็ง เท่ากับ 2

ทัลก์มีความแข็ง เท่ากับ 1


หมายเหตุ เพชรแม้ว่าจะมีความแข็งมากกว่าคอรันดัมเพียง 1 โมส์สเกล แต่ทนต่อการขีดข่วนให้เป็นรอยได้มากกว่าคอรันดัมถึง 140 เท่า

พระเอกของเราในเพจนี้ คือ แร่ควอตซ์ (Quartz) หรือ โป่งข่าม ของเรานั้น มีความแข็งอยู่อันดับ 7 นะครับ

แก้วโป่งข่ามของดีแห่งล้านนา



แก้วโป่งข่าม เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ เชื่อว่าหลายคนรู้จักเป็นอย่างดี แต่ก็มีอีกไม่น้อย ที่เพียงแต่ได้ยินชื่ออย่างผิวเผิน ทั้งๆที่ แก้วโป่งข่ามมีชื่อเสียงมานานหลายสิบปีในยุคปัจจุบัน และหลายร้อยปีในยุคอดีต เพียงแต่ชื่อเสียงนั้นยังคงอยู่ในวงแคบๆโดยเฉพาะในเขตภาคเหนือ ชึ่งๆได้กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมเป็นตำนานความศักดิ์สิทธิ์แห่งล้านนา การเล่าขานยังคงสืบเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น จากอดีตจนถึงปัจจุบัน